20 May 2016

ครั้งแรกกับการตะลุย Japan Alps เส้นทาง Alpine Route


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจากกินโซบะตอนเช้าเสร็จ ที่บริเวณสถานีโทยาม่า (Toyama) เรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มออกเดินทางจากสถานีเด็นเท็ตสึโทยาม่า (Dentetsu Toyama - 電鉄富山) ไปยังสถานีทาเทยาม่า (Tateyama - 立山) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง




ผมซื้อตั๋วรถไฟและยานพาหนะต่างๆเพื่อใช้ในการเดินทางผ่าน Japan Alpine Route แบบเซทที่สถานีเด็นเท็ตสึโทยาม่า (Dentetsu Toyama - 電鉄富山) นี้ ราคาประมาณ 9,000เยน มารู้ที่หลังว่าเดินทางแบบกรุ๊ปจะได้ราคาที่ถูกกว่าเพราะเป็นราคาตั๋วแบบกรุ๊ป ยังไงจำนวนผู้เดินทางในวันนี้ก็ไม่ถึงจำนวนที่จะเป็นกรุ๊ปได้อยู่แล้ว ช่วยไม่ได้แฮะ



เมื่อนั่งรถไฟอย่างยาวนานถึงสถานีทาเทยาม่า (Tateyama - 立山) ก็มีเวลาแวะชูสองนิ้วถ่ายรูปสักพักก่อนที่จะต่อด้วยกระเช้าเคเบิ้ลคาร์เพื่อไปยังสถานีบิโจไดระ (Bijodaira - 美女平) เมื่อถึงสถานีบิโจไดระแล้วผมก็นั่งรถบัสต่อมายังกำแพงหิมะ (Tateyama Yuki no Otani - 立山・雪の大谷)

ที่นี่แหละจุดที่อยากจะดู ที่กำแพงหิมะ (Tateyama Yuki no Otani - 立山・雪の大谷) นี่แหละ รถบัสขับมาจอดบริเวณลานจอดรถซึ่งอยู่ใกล้กับตึกที่มีร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ผมเลยแวะเข้าห้องน้ำและเล็งๆหาของกินเล่นไว้ก่อนแต่ยังไม่ซื้อ หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้วก็เดินออกนอกตึกเพื่อไปยังกำแพงหิมะ ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่เดือนพฤษภาคมแล้วแต่หิมะก็ยังก่อตัวสูงเป็นกำแพงให้ได้เห็นอยู่






ณ จุดนี้ผมได้มาชูสองนิ้วที่ความสูง 2,390m ในความหนาวอุณหภูมิ 7’c สภาพอากาศปลอดโปร่ง ฝนฟ้าเป็นใจให้ถ่ายรูป ดีใจจัง เดินเล่นอยู่บริเวณนี้สักพักก่อนที่จะเดินกลับเข้าอาคารเพื่อหาของว่างกินรองท้องที่เริ่มร้องจ๊อกๆนิดๆ ผมซื้อซาลาเปาไปกินบนรถรางระหว่างเคลื่อนที่เพื่อไปยังเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam - 黒部ダム) อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของเส้นทาง Alpine Route นี้

เมื่อเดินทางถึงเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam - 黒部ダム) สิ่งแรกที่เป็นความประทับใจคือ ความใหญ่!! และความสวยของน้ำในเขื่อนที่เป็นสีเขียวมรกต และอันดับต่อมาที่เป็นความประทับใจคือ การปล่อยน้ำในเขื่อนให้ไหลออกมาอย่างแรงและเกิดรุ้งกินน้ำสีสวย!! ตามที่อ่านจากหนังสือไกด์บุ๊คก่อนเดินทางมา เค้าเขียนว่าช่วงนี้จะไม่มีการปล่อยน้ำ และจะมีการปล่อยน้ำอีกครั้งหนึ่งหลังเดือนมิถุนายน แต่วันนี้โชคดีที่มีการปล่อยน้ำเป็นกรณีพิเศษ เลยกลายเป็นความประทับใจอีกอย่างหนึ่ง






ในหนังสือไกด์บุ๊คเขียนแนะนำว่า ถ้ามาที่นี่แล้วให้กิน ข้าวราดแกงเขื่อนคุโรเบะ ผมก็เลยจัดตามหนังสือไกด์บุ๊คเขาแนะนำ มันเป็นข้าวราดแกงที่น่ารักมากจนไม่กล้ากิน ก็เค้าทำแกงเป็นสีเขียวให้เหมือนกับน้ำในเขื่อน ซึ่งมันก็คือข้าวราดแกงเขียวหวานของไทยเรานี่เอง!! แต่ญี่ปุ่นเขาเอามาทำเป็นอาหารประจำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ไปแล้ว อร่อยด้วย!! 555 นอกจากนี้ยังมีราเมงน้ำซุปสีเขียวด้วย



หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มมีแรงเดินต่อ ก็เลยลองเดินไปดูห้องฉายวีดีโอซึ่งมีการเล่าประวัติเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนคุโรเบะแห่งนี้ ในสมัยก่อนมีคนที่ต่อต้านการสร้างเขื่อนเป็นจำนวนมาก และมีผู้คนที่ต้องสละชีพเพื่อการสร้างเขื่อนแห่งนี้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ระหว่างการสร้างเขื่อนเกิดแผ่นดินไหวและมีอุปสรรคต่างๆมากมายแต่คนสมัยก่อนก็ยังสามารถสร้างเขื่อนได้ใหญ่ขนาดนี้เป็นที่สำเร็จ



บริเวณรอบเขื่อนจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปที่จุดชมวิว ขนาดผมไม่ใช่คนสร้างเขื่อนแต่เป็นแค่คนที่มาเดินเที่ยวยังรู้สึกเหนื่อยกับความสูงของเขื่อน พอลองย้อนมองกลับไปถึงคนสมัยก่อนแล้วรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนที่มีความพยายามกันมาก..น่านับถือ

หลังจากทราบซึ้งอยู่สักพัก แล้วผมก็ออกเดินทางไปยังสถานีโอกิซาว่า (Ogizawa) เพื่อทำการออกจากเส้นทาง Alpine Route แห่งนี้และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวจุดต่อไป


กินทาเทยาม่าราเม็ง ในที่สุดก็เจอร้าน “ฮาจิบังราเม็ง“ ในญี่ปุ่น


ตอนอยู่ประเทศไทยผมชอบกินราเม็งที่ร้าน “ฮาจิบังราเม็ง“ มาก เห็นด้านหลังของเมนูอาหารในร้านจะเขียนบรรยายไว้ว่าเป็นร้านที่มีหลายสาขาในญี่ปุ่น มีชื่อเสียงมาก แต่พอได้มาอยู่ที่โตเกียว พยายามมองหาร้านราเม็งที่ชื่อและโลโก้เดียวกันกับ “ฮาจิบังราเม็ง“ แต่ก็ยังหาไม่เคยเจอ ครั้งนี้โชคช่วยให้อยู่ดีดีก็เจอ




ทริปการชูสองนิ้วเที่ยว Japan Alps ที่เส้นทาง Alpine Route ของผมในครั้งนี้นั้นเริ่มขึ้นจากทางฝั่งจังหวัดโทยาม่า (Toyama) บริเวณสถานีโทยาม่านี่เลย รถบัสที่นั่งมาจากโตเกียวเมื่อคืนมาถึงที่นี่เช้า เพราะฉะนั้นข้าวเช้าก็ต้องเป็นที่สถานีนี้สินะ ตื่นและลงรถบัสมาก็หิวเลย พอเดินหาร้านอยู่ว่าจะกินอะไรดี ผมก็เจอป้ายร้าน “ฮาจิบังราเม็ง“ แต่ว่ายังไม่เปิดให้บริการเพราะว่าร้านอยู่ในห้างตึกสถานี


ถึงแม้ร้านจะยังไม่เปิดบริการแต่ก็ดีใจที่ได้เจอ อยากลองเข้าไปกินดูว่ารสชาติจะเหมือนกับสาขาที่ไทยหรือเปล่า แต่ร้านไม่เปิดก็ช่วยไม่ได้ ว่าแล้วก็มองหาร้านที่คิดว่าใช่ จนเจอร้านโซบะแบบเร่งด่วนอยู่ร้านหนึ่งใกล้ๆสถานี จึงตัดสินเอาที่นี่

วิธีการสั่งคือหยอดเหรียญใส่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัตและเอาตั๋วยื่นให้พนักงาน ผมยื่นตั๋ว “ทาเทยาม่าเท็มปุระโซบะ“ ให้กับคุณป้าในครัว สักพักสิ่งที่สั่งก็ออกมาวางบนถาดหน้าเค้าเตอร์ ต้องยกไปยังที่นั่งเอง น้ำเปล่าก็กดเองเป็นแบบบริการตนเองทั้งหมด ป้าๆแกจะอยู่แต่ในครัวไม่มีใครออกมาข้างนอกเลย


ในชามโซบะมีแผ่นปลานารุโตะที่เขียนว่า Tateyama ด้วย!! อันนี้แหละต้นตำรับแบบน่ารักๆ เมนูหนึ่งของร้านโซบะแบบเร่งด่วนบริเวณสถานีโทยาม่า หลังกินเสร็จแล้วก็ต้องเอาจานชามไปเก็บเองที่จุดคืนภาชนะ และเช็ดโต๊ะให้ร้านเค้าด้วย รู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กดียังไงก็ไม่รู้


15 May 2016

สุดคุ้ม!! อุด้งชามใหญ่ที่ ซึรุตงตัง


มาเยือน Roppongi พร้อมอาหารเย็นด้วยอุด้งชามใหญ่ที่ Tsurutontan ที่นี่ให้อุด้งฟรีโดยไม่เพิ่มราคาซึ่งสามารถขอเพิ่มได้สูงสุดถึง 3เท่า!! ฟังดูแล้วรู้สึกคุ้ม

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2ที่ผมมากินอุด้งที่นี่ ครั้งแรกอิ่มพุงกางกับการสั่งอุด้งแบบคนละจาน มันเป็นบทเรียนที่สอนให้รู้ว่าครั้งนี้ควรสั่งมาแชร์กันกิน คราวนี้เลยเลือกเมนูอย่างรอบครอบ





เมนูมีให้เลือกมากมายมากกว่าเมนูอุด้ง ครั้งนี้ผมจึงเลือก Nabe Yaki Udon (อุด้งหม้อดินเผา) กับ ซูชิอาโวคาโด้โดยเพิ่มเส้นอุด้งให้เป็น 2เท่า แค่ 2รายการนี้ก็อิ่มเกินคุ้ม แต่ตาดันเหลือบไปเห็นเมนูไอศกรีมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเขียนว่า “ซอฟต์ครีมที่ทำจากอุด้ง“ เห็นอย่างนี้จะพลาดได้ยังไง จัดเลยสิครับ

ซอฟต์ครีมหวานมาก...ก คนไม่ชอบหวานไม่แนะนำ แต่กินยังไงก็ไม่รู้ว่าทำจากอุด้ง 555 รสชาติเป็นเหมือนซอฟต์ครีมรสวานิลาปกติทั่วไป สำหรับคนชอบของหวานอย่างผมก็อร่อยดีนะครับ



เพื่อนทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ Snoopy Museum Tokyo


Snoopy Museum Tokyo อยู่ไม่ไกลจากสถานี Roppongi สามารถเดินได้จากสถานีรถไฟใต้ดิน Roppongi ใช้เวลาเดินประมาณ 7นาที เป็นพิพิธภัณฑ์ชั่วคราวที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าชมระหว่างวันที่ 23 เมษายน - 25 กันยายน 2559 

ผมจองตั๋วเข้าล่วงหน้าที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะให้ได้ราคาถูก เค้ากำหนดรอบการเข้าชมเป็นรอบๆห่างกันทุกๆ 2ชั่วโมง ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่ใหญ่มากเดินประมาณ 2ชั่วโมงก็หมดแล้ว เพียงแต่บริเวณร้านขายของที่ระลึกและสนูปปี้คาเฟ่ที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เท่านั้นที่น่าจะใช้เวลา


ก่อนที่พิพิธภัณฑ์ Snoopy Museum Tokyo นั้นจะถูกปิดลง ผมเลยต้องรีบมาชูสองนิ้วที่นี่ ผมจองตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ช่วงระหว่าง 16.00-17.30น.ไว้และรีบแจ้นมาที่พิพิธภัณฑ์ กว่าจะถึงก็เกือบ 17.30น.แต่ยังสามารถเข้าได้ตามปกติ เพราะยังมีรอบหลังจากนี้ที่ยังสามารถเข้าได้อยู่

ภายในพิพิธภัณฑ์น่ารักมาก สำหรับคนที่ชอบสนูปปี้เป็นพิเศษรับรองว่าต้องเคลิ้มแน่ๆ เข้าไปด่านแรกจะเป็นผนังการ์ตูนซึ่งทำเป็นรูปชาลี บราวน์ และรูปภาพต่างๆที่ตกแต่งไว้เป็นความรู้เต็มผนัง หลังจากด่านนี้จะเป็นการชมวีดีโอเกี่ยวกับสนูปปี้ประมาณ 5นาทีในด่านถัดไป

และจากนั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ชั้นในซึ่งปล่อยในเดินตามอิสระ มีของชำร่วยพวกตุ๊กตาสนูปปี้ที่เป็นของดารานำมาวางโชว์ไว้ด้วย มีดาราและนักกีฬาของญี่ปุ่นที่ชอบเจ้าสนูปปี้อยู่ไม่น้อย



หลังออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วจะพบกับร้านขายของที่ระลึก คนส่วนมากจะมาหยุดกันอยู่ที่นี่ เพื่อเลือกของน่ารักๆ และยังมีคาเฟ่เล็กๆซึ่งคนต่อแถวกันยาวเหยืยด เป็นคาเฟ่สนูปปี้ แฟนพันธ์แท้..พลาดไม่ได้!!


ตอนแรกคิดว่าความน่ารักจะจบลงเพียงเท่านี้ ก่อนกลับจึงแวะเข้าห้องน้ำ ปรากฏว่าภายในห้องน้ำก็ตกแต่งอย่างน่ารักด้วยตัวการ์ตูนต่างๆในเรื่องสนูปปี้




05 May 2016

เยี่ยมฮานาโกะ..ช้างไทยในสวนสัตว์อิโนะคาชิระ


เคยเห็นในทีวีเมื่อหลายปีก่อนว่าที่สวนสัตว์อิโนคาชิระ (Inokashira Shizenbunkaen - 井の頭自然文化園) มีช้างไทยอยู่หนึ่งเชือก นางมีนามเป็นญี่ปุ้นญี่ปุ่นว่า “ฮานาโกะ” นางอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ผมฟังในข่าวแล้วก็สงสารเกิดความอยากไปดูให้เห็นกันจริงๆในสวนสัตว์ว่าเป็นยังไง ไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเค้าจะให้กล้วยได้ไหม ไม่เคยดูช้างในสวนสัตว์เหมือนกัน 

และแล้วเวลาก็ผ่านมาจะกี่เดือนหรือร่วมปีผมก็จำไม่ได้ มาจนถึง ณ วันนี้ วันหยุดและไม่รู้ว่าจะไปไหนดี มีอาการอยากเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ก็เลยเลือกเอาสวนอิโนคาชิระซึ่งอยู่ใกล้ๆบ้าน ภายในสวนสาธารณะมีสวนสัตว์เล็กๆอยู่ด้วย เป็นสวนสัตว์ที่เคยอยากไปตั้งนานละ วันนี้เลยได้โอกาสผมเลยตัดสินใจเข้าสวนสัตว์ด้วยเพื่อไปชูสองนิ้ว และเพื่อเยื่ยมฮานาโกะ ช้างไทยที่มาอยู่ที่นี่




ในสวนสัตว์มีแต่เด็ก สงสัยเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด ผมเดินจากทางเข้าสวนสัตว์ไปเรื่อยๆ มีนกแพนกวินด้วย!! คิดว่าจะมีแต่ในสวนสัตว์ที่ฮอกไกโดเท่านั้น เดินตามทางในแผนที่ไปเรื่อยๆก็เจอเจ้าฮานาโกะ คนต่อแถวรอเข้าไปดูเจ้าฮานาโกะยาวเหยียด แปลกใจมากที่เจ้าฮานาโกะหลบอยู่ข้างในตัวตึกไม่ยอมออกมาเดินที่ลานกว้างด้านนอก สงสัยอากาศจะร้อนเลยอยากหลบแดดอยู่ด้านใน ผมเลยต่อแถวเพื่อรอเข้าไปดูเจ้าฮานาโกะด้านในบ้าง


พอเห็นเจ้าฮานาโกะที่อยู่ในตึกด้านในแล้วน่าสงสาร อยู่แบบเล็กๆไม่ยอมออกไปข้างนอกเดินเล่น คนก็ต่อแถวรอถ่ายรูปเยอะมาก ผมเลยดูได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น ในใจก็คิดว่าแต่ว่าน่าสงสารจัง


บริเวณนั้นมีคาเฟ่กลางแจ้งเขียนชื่อร้านว่า ฮานาโกะคาเฟ่ เป็นคาเฟ่ขายอาหารเบาๆและเครื่องดื่มเมนูน่ารักๆ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่หอบหิ้วเอาข้าวปั้นหรือข้าวกล่องมาเองจากบ้าน แต่ก็มีเด็กๆที่ชอบเมนูฮานาโกะอยู่ไม่น้อย


04 May 2016

สัปดาห์ทองของการกินเนื้อที่งาน Niku Fes TOKYO 2016 Haru


มาชูสองนิ้วกันที่งาน Niku Fes สำหรับคนชอบอาหารประเภทเนื้อพลาดไม่ได้งานนี้จะมองไปทางไหนก็มีแต่เนื้อ เนื้อ เนื้อไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู


งาน Niku Fes จัดขึ้นที่ Odaiba ช่วง golden week ระหว่างวันที่ 28 เมษายน - 8 พฤษภาคม ซึ่งมีชื่องานอย่างเป็นทางการว่า Niku Fes TOKYO 2016 Haru (Spring) งานนี้เข้าฟรี มีการจำหน่ายคูปองอาหารล่วงหน้าเพื่อใช้แลกซื้ออาหารตามบูธต่างๆภายในงานแทนเงินสด

Golden week ปีนี้ผมไม่รู้จะไปที่ไหนดี ไหนๆก็ว่างแล้วก็เลยแวะมางานดูว่าบรรยากาศงานเป็นยังไง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ต้องตกใจกับคนที่ยืนเข้าแถว เพื่อรอคิวซื้ออาหารตามบูธต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้คนที่มาร่วมงานเยอะขนาดนี้


แต่ก็เอาวะ!! ไหนๆก็มาแล้วด้วยความอยากกินผมก็เลยยืนต่อแถวๆบ้าง หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 30นาที เพื่อนที่ไปด้วยก็เดินมาหาที่แถวของร้านที่ผมกำลังต่ออยู่ พร้อมด้วยไก่ทอด 1ถุง และเนื้อย่าง 2แบบในจานเดียว

ทำไมเร็วจัง!?!!

ผมยังอยู่ในแถวที่ขยับเคลื่อนหน้าได้ไม่ถึงครึ่งทางเลย แต่ด้วยความหิวก็เลยตัดสินใจไม่ต่อแถวละ อาศัยความมึนๆเดินออกจากแถวแล้วไปนั่งกินไก่ทอดกับเนื้อย่างพร้อมเพื่อนเลย


ไก่ทอดร้อนๆข้างนอกกรอบข้างในนุ่มนุ่มๆอร่อยมาก ส่วนเนื้อสเต็กนั้นไม่รู้ว่าเป็นเนื้อจากจังหวัดอะไร แต่นุ่มและอร่อยทั้งสองแบบเลย ถ้าไม่ติดที่คนมาร่วมงานเยอะคงได้กินอาหารอร่อยๆอีกหลายหลายอย่าง



概要

肉フェス TOKYO 2016春

期間:2016年4月28日(木)〜5月8日(日)
時間:10:00〜22:00 ※4/28は12:00~22:00、5/8は10:00~21:00
会場:お台場 シンボルプロムナード公園 夢の広場
住所:東京都江東区青海1
料金:入場料無料、飲食代別途(食券・電子マネー利用可能)
※食券は1枚 700円(税込)
※飲食物の持ち込みは禁止